เกี่ยวกับโครงการ

ความเป็นมาของโครงการ

“การท่องเที่ยว” ถือเป็นแหล่งรายได้หลักของประเทศไทย ข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานว่าภาคการท่องเที่ยวสร้างรายได้ให้กับประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี พ.ศ. 2566 ประเทศไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งสิ้น 2.09 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 74.40 จากปี พ.ศ. 2565 เป็นผลมาจากจำนวนของนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นกลไกที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ก่อให้เกิดการจ้างงาน เป็นเครื่องมือสำคัญในการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นและลดความเหลื่อมล้ำ เพื่อให้ประเทศสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน จึงจำเป็นต้องพัฒนาและเพิ่มความเข้มข้นในมาตรการด้านความปลอดภัยและยกระดับด้านความสะดวก รวมทั้งพัฒนาในด้านความยั่งยืนของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมและขนส่งเพื่ออำนวยความสะดวกและรองรับการขยายตัวอย่างเป็นระบบ

ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 – 2580) ซึ่งเป็นเป้าหมายของการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ตามหลักธรรมาภิบาล เพื่อให้เกิดความสอดคล้องและการบูรณาการการทำงานร่วมกันตามวิสัยทัศน์ “ประเทศไทย มีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” ภายใต้ 6 ยุทธศาสตร์ที่สำคัญ โดยกำหนดในยุทธศาสตร์ชาติ ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน บนพื้นฐานแนวคิด 3 ประการ คือ ต่อยอดอดีต ปรับปัจจุบัน สร้างคุณค่าใหม่ในอนาคต ซึ่งได้กำหนดยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวคือ การสร้างความหลากหลายด้านการท่องเที่ยว โดยรักษาการเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญของการท่องเที่ยวระดับโลกที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทุกระดับและเพิ่มสัดส่วนของนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพสูง มุ่งพัฒนาธุรกิจด้านการท่องเที่ยวให้มีมูลค่าสูงเพิ่มมากยิ่งขึ้น ด้วยอัตลักษณ์และวัฒนธรรมไทย โดยใช้ประโยชน์จากข้อมูลและภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อสร้างสรรค์คุณค่าทางเศรษฐกิจและความหลากหลายของการท่องเที่ยวให้สอดรับกับทิศทางและแนวโน้มของตลาดยุคใหม่การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเดิมและสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ โดยคำนึงถึงศักยภาพของแต่ละพื้นที่การส่งเสริมการท่องเที่ยวพำนักระยะยาว ตลอดจนส่งเสริมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบนิเวศและทรัพยากรที่เอื้อต่อการเติบโตของการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ เพื่อกระจายโอกาสในการสร้างรายได้ไปสู่ชุมชนอย่างทั่วถึงและยั่งยืน รวมทั้งพัฒนาการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวไทยกับประเทศอื่น ๆในภูมิภาค

จังหวัดเชียงใหม่ และ จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นทั้งเมืองหลักและเมืองรองในการท่องเที่ยวตามนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีความหลากหลายของทรัพยากรทางธรรมชาติ เช่น ภูเขา น้ำตก อุทยานแห่งชาติ โครงการหลวงและโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ รวมทั้งมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและประเพณี ตลอดจนวิถีชีวิตของชุมชนที่น่าศึกษาเรียนรู้ โดยที่จังหวัดเชียงใหม่ได้มีการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัดเชียงใหม่ (พ.ศ. 2566 – 2570) ฉบับทบทวนปี พ.ศ. 2567 มีเป้าหมายในการพัฒนา
คือ นครแห่งชีวิตและความมั่งคั่ง (City of Life and Prosperity) เพื่อมุ่งไปสู่การเป็นเมืองที่ให้ความสุขและชีวิต
ที่มีคุณค่าแก่ผู้อาศัยและผู้มาเยือนในฐานะเมืองที่น่าอยู่และน่าท่องเที่ยวในระดับโลก ในขณะที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ได้มีการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัดแม่ฮ่องสอน (พ.ศ. 2566 – 2570) ฉบับทบทวนปี พ.ศ. 2567 มีเป้าหมายในการพัฒนาคือ แม่ฮ่องสอนเมืองแห่งความสุข ยกระดับคุณภาพชีวิต ด้วยเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์

กรมทางหลวงชนบท จึงมีนโยบายที่จะเพิ่มศักยภาพของโครงข่ายสายทางในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และ จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อพัฒนาให้เป็นเส้นทางท่องเที่ยวสายบุปผชาติคีรีธาร เป็นการยกระดับถนนให้มีความสะดวกและปลอดภัยในการเดินทาง ต่อเติมโครงข่ายการคมนาคมขนส่งให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เชื่อมโยงการท่องเที่ยวระหว่างเมืองหลักกับเมืองรองสนับสนุนให้เกิดการขยายตัวด้านการท่องเที่ยวการค้า และการลงทุนในพื้นที่ อันจะนำไปสู่การสร้างงานและสร้างรายได้ให้กับประชาชนอย่างยั่งยืนซึ่งการดำเนินการอยู่ภายใต้กรอบของยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 – 2580) สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาของพื้นที่ (จังหวัดเชียงใหม่ และ จังหวัดแม่ฮ่องสอน) ตลอดจนเป็นไปตามยุทธศาสตร์การพัฒนา
ของกรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม

วัตถุประสงค์ของโครงการ

๑)เพื่อดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ของเส้นทางท่องเที่ยวสายบุปผชาติคีรีธารช่วงเชียงใหม่ – แม่ฮ่องสอน จ.เชียงใหม่, แม่ฮ่องสอน รวมระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตร
๒)เพื่อศึกษาคัดเลือกแนวสายทาง และ/หรือรูปแบบโครงการเบื้องต้นที่เหมาะสม ศึกษาความคุ้มค่า
ด้านเศรษฐกิจและการลงทุน และศึกษาผลกระทบด้านสังคม สิ่งแวดล้อมเบื้องต้น และการใช้ประโยชน์ที่ดิน พร้อมทั้งออกแบบเชิงหลักการ

ประโยชน์ของโครงการ

๑) เพิ่มศักยภาพของโครงข่ายสายทางในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และ จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อพัฒนาให้เป็นเส้นทางท่องเที่ยวสายบุปผชาติคีรีธาร และพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเดิมและสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ โดยคำนึงถึงศักยภาพของแต่ละพื้นที่การส่งเสริมการท่องเที่ยวพำนักระยะยาว
๒) เพื่อให้ประเทศสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
๓) เพื่อเชื่อมโยงการท่องเที่ยวระหว่างเมืองหลักกับเมืองรองสนับสนุนให้เกิดการขยายตัวด้านการท่องเที่ยว การค้า และการลงทุนในพื้นที่ และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ระบบนิเวศและทรัพยากรที่เอื้อต่อการเติบโตของการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ และกระจายโอกาสในการสร้างรายได้ไปสู่ชุมชนอย่างทั่วถึงและยั่งยืน

ที่ตั้งและบริเวณพื้นที่ศึกษาโครงการ

โครงการศึกษาความเป็นไปได้ของเส้นทางท่องเที่ยวสายบุปผชาติคีรีธาร ช่วงเชียงใหม่ – แม่ฮ่องสอน จ.เชียงใหม่, แม่ฮ่องสอน ที่ปรึกษาดำเนินการศึกษาและรวบรวมข้อมูลโครงข่ายทางหลวง ทางหลวงชนบท
และถนนท้องถิ่นที่มีศักยภาพในการสนับสนุนเส้นทางท่องเที่ยวในพื้นที่โครงการ เพื่อนำมาทำการศึกษา
ความเหมาะสมในการปรับปรุงพัฒนาแนวสายทางให้ได้มาตรฐาน มีความสะดวกสบายและความปลอดภัย
ในการใช้เส้นทางโดยมีแผนที่แนวเส้นทางเบื้องต้น ดังนี้

  • ทางหลวงชนบทสาย ชม.3028 เป็นเส้นทางที่ใช้ในการเดินทางไปยังอุทยานหลวงราชพฤกษ์โดยมีจุดเริ่มต้นบนทางหลวงหมายเลข 108 ที่บริเวณ กม. 5+600 และมีจุดสิ้นสุดที่อุทยานหลวงราชพฤกษ์ มีระยะทางรวมประมาณ 3.000 กิโลเมตร
  • ทางหลวงชนบทสาย ชม.3035 (ถนนเลี่ยงเมืองสันป่าตอง–หางดง) เป็นเส้นทางสายเลี่ยงเมืองใช้สำหรับเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองเชียงใหม่ ก่อสร้างขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงคอขวดบริเวณตัวเมืองสันป่าตองและหางดง เชื่อมต่อระหว่างอำเภอดอยหล่อกับอำเภอหางดง จุดเริ่มต้นที่แยกท่าวังพร้าว ซึ่งเป็นจุดตัดกับทางหลวงหมายเลข 108 และหลวงหมายเลข 116 จุดสิ้นสุดอยู่ที่แยกต้นเกว๋น
    มีระยะทางรวมประมาณ 500 กิโลเมตร
  • ทางหลวงชนบทสาย ชม.4016 เป็นเส้นทางที่มีจุดเริ่มต้นต่อจากทางหลวงหมายเลข 1013 ซึ่งสิ้นสุดแนวเส้นทางที่ กม. 8+400 บริเวณตลาดบ้านกาด อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ แนวเส้นทางมีระยะทางรวมประมาณ 64.500 กิโลเมตร
  • ทางหลวงชนบทสาย ชม.4053 มีจุดเริ่มต้นบนทางหลวงหมายเลข 1349 กม. 25+400
    ที่บริเวณแยกหมวดทางหลวงสะเมิง ตำบลบ่อแก้ว อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ แนวเส้นทางมีระยะทางรวมประมาณ 25.000 กิโลเมตร
  • ทางหลวงชนบทสาย ชม.5054 มีจุดเริ่มต้นบนทางหลวงชนบทสาย ชม.4016
    ที่ กม. 48+300 บริเวณศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ขุนวาง ตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ แนวเส้นทางมุ่งไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และไปสิ้นสุดแนวเส้นทาง
    ที่บ้านขุนแม่วาก ตำบลแม่นาจร อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ แนวเส้นทางมีระยะทางรวมประมาณ 7.500 กิโลเมตร
  • ทางหลวงชนบทสาย ชม.6050 มีจุดเริ่มต้นบนถนน อบจ. ชม. บ้านวัดจันทร์ – บ้านห้วยตอง ที่ทางแยกบริเวณศูนย์พัฒนาโครงการหลวงวัดจันทร์ ตำบลบ้านจันทร์ อำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่แนวเส้นทางมีระยะทางรวมประมาณ 53.000 กิโลเมตร
  • ทางหลวงชนบทสาย ชม.7084 มีจุดเริ่มต้นบนทางหลวงหมายเลข 1263 ที่ กม. 23+400 บริเวณฝั่งตรงข้ามกับโรงเรียนบ้านปางอุ๋ง ตำบลแม่ศึก อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่
    โดยบริเวณจุดสิ้นสุดแนวเส้นทางเชื่อมต่อกับถนนท้องถิ่น แนวเส้นทางมีระยะทางรวมประมาณ 20.000 กิโลเมตร
  • ทางหลวงชนบทสาย มส.4009 มีจุดเริ่มต้นบนทางหลวงหมายเลข 1263 ที่ 12+100 บริเวณด่านตรวจแม่อูคอ สถานีตำรวจภูธรขุนยวม ตำบลแม่อูคอ อำเภอขุนยวม
    จังหวัดแม่ฮ่องสอน และเข้าบรรจบกับทางหลวงหมายเลข 108 ที่บริเวณ กม. 314+600 บ้านแม่จ๋า ตำบลห้วยโป่ง อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน แนวเส้นทางมีระยะทางรวมประมาณ 54.000 กิโลเมตร

โดยพื้นที่ศึกษาของโครงการอยู่ในบริเวณอำเภอเมืองเชียงใหม่ อำเภอหางดง อำเภอสันป่าตอง
อำเภอแม่วาง อำเภอแม่แจ่ม อำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ และ อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ดังแสดงในรูปที่ 1

ขอบข่ายของงานและหน้าที่ของที่ปรึกษา

  • งานรวบรวมและศึกษาข้อมูลแนวถนนโครงการ รวมทั้งบริเวณที่มีผลกระทบกับถนนโครงการ
  • งานสำรวจพื้นที่โครงการเบื้องต้น
  • งานศึกษาผลกระทบทางด้านวิศวกรรมจราจรบริเวณถนนโครงการและส่วนต่อเนื่อง
  • งานสำรวจและจัดเก็บข้อมูลด้านการจราจร พร้อมการคาดการณ์ปริมาณจราจร
  • งานจัดทำแนวสายทาง และ/หรือ รูปแบบของโครงการเบื้องต้น
  • งานจัดการประชาสัมพันธ์โครงการ
  • งานรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของประชาชน
  • การนำเสนอผลการคัดเลือกแนวสายทาง และ/หรือ รูปแบบโครงการที่เหมาะสม
  • งานศึกษาผลกระทบด้านสังคมและการใช้ประโยชน์ที่ดิน
  • งานออกแบบเชิงหลักการ (Conceptual Design)
  • การประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
  • การประมาณราคาค่าก่อสร้างเบื้องต้น
  • การวิเคราะห์ผลตอบแทนทางด้านการลงทุนและค่าความเสี่ยงในการลงทุน
  • งานอื่น ๆ ที่เห็นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาของโครงการ

ขั้นตอนการดำเนินงาน

โครงการมีขั้นตอนในการดำเนินงาน ดังแสดงในรูปที่ 2

การดำเนินงานด้านการมีส่วนร่วมของประชาชนและการประชาสัมพันธ์โครงการ

โครงการศึกษาความเป็นไปได้ของเส้นทางท่องเที่ยวสายบุปผชาติคีรีธาร ช่วงเชียงใหม่ – แม่ฮ่องสอน จ.เชียงใหม่, แม่ฮ่องสอน ได้ให้ความสำคัญต่อการดำเนินงานการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในโครงการหรือได้รับการชี้แจงข้อมูลในกิจกรรมที่มีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตหรือมีส่วนได้ส่วนเสียกับคนในท้องถิ่น โดยมีกิจกรรมในการดำเนินงาน ดังนี้

๑. ประชาสัมพันธ์โครงการ

  โดยทำการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ เช่น เอกสารประกอบการประชุม แผ่นพับ โปสเตอร์ปิดประกาศเชิญประชุม ชุดบอร์ดนิทรรศการเคลื่อนที่
และสรุปผลการจัดกิจกรรมรับฟังความคิดเห็นแต่ละครั้ง รวมถึงการกระจายข้อมูลผ่านสื่อประชาสัมพันธ์ เสียงตามสายของชุมชน หรือแจ้งผ่านผู้นำท้องถิ่น

๒. ประชุมรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของประชาชน ครั้งที่ 1 (ปฐมนิเทศโครงการ)

  เพื่อนำเสนอข้อมูลความเป็นมาของโครงการ วัตถุประสงค์ แผนการดำเนินงาน การนำเสนอแนวทางในการออกแบบ และแผนการมีส่วนร่วมของประชาชน ให้แก่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องผู้นำชุมชน ประชาชนผู้สนใจโครงการตลอดจนรับฟังความคิดเห็นจากที่ประชุมที่มีต่อแนวทางในการออกแบบและการจัดทำแนวเส้นทางของโครงการ ข้อคิดเห็นข้อเสนอแนะอื่น ๆ เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาการออกแบบรายละเอียดต่อไป

ทุกท่านสามารถดาวน์โหลดสื่อประชาสัมพันธ์ประกอบการประชุมฯ ครั้งที่ 1 ได้ที่ลิงก์ด้านล่างนี้

๓. ประชุมรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของประชาชน ครั้งที่ 2 (กลุ่มย่อย)

  เพื่อนำเสนอความก้าวหน้าของการดำเนินงาน ข้อมูล รูปแบบการออกแบบถนน แนวทางเลือกและรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อโครงการเพื่อนำไปปรับปรุงการดำเนินการให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

๔. ประชุมรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของประชาชน ครั้งที่ 3 (ปัจฉิมนิเทศโครงการ)

  เพื่อนำเสนอผลการดำเนินงานทั้งหมด การเสนอร่างผลการออกแบบถนน ทางแยกต่างระดับ
แนวเส้นทางที่ได้ทำการออกแบบ ผลการศึกษาด้านสังคมและการใช้ประโยชน์ที่ดินรวมถึงร่างมาตรการป้องกันและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น ผลการดำเนินงานด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน ตลอดจนรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่าง ๆ เพื่อนำไปปรับปรุงเพิ่มเติมให้รูปแบบก่อสร้างมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

  ในการจัดประชุมแต่ละครั้ง ผู้แทนกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาจะเข้าดำเนินการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารโครงการแก่หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับทราบข้อมูลข่าวสารโครงการฯ อย่างทั่วถึงตลอดระยะเวลาดำเนินโครงการ กรอบระยะเวลาเบื้องต้นของแผนการดำเนินงานด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน ดังแสดงในตารางที่ 1

.

ตารางที่ ๗-๑

แผนการดำเนินงานด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน

ระยะเวลาดำเนินการ

ที่ปรึกษาเริ่มปฏิบัติงาน ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม 2568 ถึงวันที่ 28 มีนาคม 2569 ระยะเวลาดำเนินงานทั้งสิ้น 450 วัน